วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559

ดู อ่าน ใช้ 汉语 ภาษาจีน ก็ดีได้

ดู อ่าน ใช้ 

汉语 

ภาษาจีน ก็ดีได้  






                          ในตอนนี้ ดู อ่าน ใช้ 汉语 ภาษาจีน ก็ดีได้  มีในรูปแบบ e-book แล้วนะคะ เพื่อตอบสนองความต้องการของท่านผู้อ่านในยุคดิจิตอล หากท่านใดสนใจสามารถติดตามผลงานได้ที่ลิงก์หนังสือข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ http://www.ookbee.com/Shop/Book/ad611f55-71b4-4e34-9a3a-e8105cf9c45c

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เซย์ ฮัลโหล 你好吗?

ทักทาย

                การทักทายถือเป็นกุญแจ ไขความลับ ระหว่างหัวใจของเพื่อน มนุษย์อย่างเราๆ จะไปที่ไหน ส่วนใดในโลก ก็ตามแต่ แค่กล่าวคำว่า สวัสดีคำเดียว และยิ้มแย้มก็ถือว่าเป็นสัญญาณ การส่งผ่านความเป็นมิตรที่ดี

                อังกฤษก็ได้ Hello!
                ฝรั่งเศสก็ดี Bonjour!
                ญี่ปุ่นก็ใช่ ฮาจิเมะมะชิเตะ
เกาหลีก็ฮิต อันยอง ฮาเซโย
                หรือแม้แต่ภาษาไทย สวัสดี ลั้นลา

แค่นี้เพื่อนต่างชาติก็ตรึมแล้ว แล้วภาษาจีนล่ะ ว่ายังไง การทักทายในภาษาจีนที่พูดกันทั่วๆไปได้อย่างง่ายๆว่า 你好!nǐhǎo  หรือพูดแบบสุภาพได้ว่า  您好!  nín hǎo ซึ่งจะใช้พูดกับผู้ใหญ่ และเป็นทางการ

หรือหากเจอครู อาจารย์ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยก็ตามแต่  เรา ก็ทักทายว่า 老师好Lǎoshī hǎo หรือ 老师您好Lǎoshī nín hǎo ก็ได้ เผลอๆครูหรืออาจารย์จะถามเรากลับมาว่า ส่งการบ้านหรือยัง นั่นก็คงต้องตัวใครตัวมัน รีบๆทำเข้าล่ะขอบอก

บังเอิญเจอเพื่อนสนิทมิตรสหาย สนิทกันมากๆ พร้อมกับโบกไม้โบกมือ วิ่งเข้าไปกอดคอ ยิ้มแย้มแจ่มใส เวลาเจอหน้าเพื่อนรัก เพื่อนเลิฟ  ก็สามารถใช้  Wèi เฮ้  过得好吗?Guò dé hǎo ma? ช่วงนี้โอไหมก็ไม่ว่ากัน

หากต้องทักทายต่อหน้าสาธารณะชนเยอะๆ เราสามารถกล่าวทักทายว่า  大家好!Dàjiā hǎo! สวัสดีทุกคน หรือถ้าพูดรายงานอยู่ในห้องเรียนเราก็สามารถทักทายเพื่อนได้ว่า 同学们好!Tóngxuémen hǎo!สวัสดีเพื่อน ก็ได้ค่ะ

นอกจากนั้น เรายังสามารถกล่าวคำทักทายเป็นช่วงเวลาได้อีกด้วย ดังนี้

ช่วงเช้า
早安!    zǎo ān                            อรุณสวัสดิ์
     zǎo                              สวัสดีตอนเช้า
早上好!   zǎoshang hǎo                สวัสดีตอนเช้า
上午好!   shàngwǔ hǎo                 สวัสดีตอนเช้า (ช่วงสาย)

ช่วงเที่ยง
中午好!             zhōngwǔ hǎo                   สวัสดีตอนเที่ยง

ช่วงบ่าย
下午好!               xiàwǔ hǎo                        สวัสดีตอนบ่าย
  
                  ช่วงเย็น
晚上好!               wǎnshàng hǎo                สวัสดีตอนเย็น
晚安!    wǎn'ān       ราตรีสวัสดิ์

                เมื่อกล่าวทักทายคู่สนทนาแล้ว หากเราต้องการทราบว่าผู้ที่เราสนทนาด้วยนั้นเป็นอย่างไร เราสามารถถามได้ว่า
你好吗?               Nǐ hǎo ma?                       คุณสบายดีไหม

1.หากคู่สนทนาเราเพิ่งรู้จักกันสามารถตอบได้ว่า
我很好                    Wǒ hěn hǎo                   สบายดีมาก
我不太好            wǒ bù tài hǎo                   ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่

2. หากคู่สนทนาเป็นคนที่เรารู้จักกันมานานแล้ว สามารถตอบได้ว่า
很好                         Hěn hǎo                         ดีมาก
还好吧             hái hǎo ba                            ยังดีอยู่นะ
我不太好           wǒ bùtài hǎo               ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่
马马虎虎           mǎmǎhǔhǔ                              งั้นๆ

ตัวอย่าง   A: 今天你好吗?          B: 今天我很好。
                         Jīntiān nǐ hǎo ma?      Jīntiān wǒ hěn hǎo.
    วันนี้คุณเป็นไงบ้าง                                             วันนี้ฉันสบายมาก
   A: 昨天呢?             B: 昨天我非常好。
  Zuótiān ne?            Zuótiān wǒ fēicháng hǎo.
         เมื่อวานล่ะ                                                          เมื่อวานฉันสบายมากๆ
   A: 大前天呢?         B: 大前天好极了。
  Dàqiántiān ne?        Dàqiántiān hǎo jíle.
          วันก่อนๆล่ะ                                                       วันก่อนๆดีสุดๆ (ดีโคตรๆ)
A: 明天呢?          B: 还不知道。
     Míngtiān ne?         Hái bù zhīdào.
  พรุ่งนี้ล่ะ                                                            ยังไม่รู้เลยล่ะ

            เอาล่ะ หวังว่าทุกๆท่านจะเป็นเหมือนกับ B นะคะ เรื่องของการทักทายทายในแบบถามตอบง่ายๆนี้ 
ต้องลองเอาไปใช้กับเพื่อนๆดูถึงจะสนุกค่ะ 


    












การกล่าวแนะนำตัวเองเป็นการกล่าวเพื่อให้ผู้อื่นได้รู้จักเราว่าเราเป็นใคร ทำไมเราต้องมีชื่อ มีแซ่ ที่มาที่ไป เหมือนแสดงตัวตนของเรา  ไม่ใช่ว่าอยู่ดีดี ไม่ถาม ชื่อ เสียง เรียงนาม เรียก เฮ้ยนี่ เฮ้ยนั้น มันคงแปลกพิลึก หรือเกิดเป็นฝาแฝด หันหน้ามาพร้อมกัน แล้วเราจะแยกแยะเขาได้ยังไง คงจะไม่มาสมมุติว่าเป็นคุณแฝด 1 หรือแฝด 2 หรอกนะ

ประเทศจีนสมัยโบราณจะมีการยกย่องให้เพศหญิงมีความสำคัญมากกว่าเพศชาย ให้ผู้หญิงเป็นหัวหน้าเผ่า เพราะให้กำเนิดหรือคลอดลูกได้ ซึ่งคำว่า แซ่ สกุลก็คือคำว่า xìng เกิดจากรากศัพท์ Nǚ (ผู้หญิง)  และ shēng (เกิด ชีวิต)   ผสมกัน     
    
พอมีชื่อแล้ว สมัยโบราณเดินขึ้นเขาไปเก็บของป่า หาสมุนไพร แถมเดินทางแบบมืดๆ ให้ดวงดาวนำทาง โรแมนติกสุดๆ พอเจอคนสวนทางมา  คนคุ้นเคยกัน ก็คงรู้ๆกัน จึงต้องเรียกชื่อนำไปก่อนเพื่อความแน่ใจ ว่า   นั่นใช่ท่าน หรือไม่”  แต่ถ้าไม่ใช่ คนที่สนทนากับเราก็จะตอบกลับมาว่า ไม่ใช่ ข้าชื่อ   แล้วท่านล่ะ”  อ้อ ข้า นะ ยินดีที่ได้รู้จักท่าน”  แค่นี้ก็จบการสนทนา รู้จักกันแล้ว แต่ถ้าเกิดท่าน ไม่ตอบ นาย คงต้องเผ่น เพราะอาจจะเจอผีเข้าระหว่างทางก็ได้ ใครจะไปรู้

ดังนั้น ชื่อ สกุลจึงมีความสำคัญต่อการสนทนาระหว่างคู่สนทนาเป็นอย่างมาก วกเข้ามาที่การถาม ชื่อสกุล ซึ่งประโยคในภาษาจีนที่นิยมใช้ถามชื่อแซ่มี ดังนี้

การถามชื่อ สกุล
การตอบชื่อ สกุล
1. Q: 您贵姓?   
   Nín guìxìng?               
             ท่านชื่อ แซ่ อะไร
2. Q: 您贵姓大名?     
   Nín guìxìng dàmíng?
             ท่านชื่อ แซ่ อะไร
3. Q: 您叫什么名字?
Nín jiào shénme
míngzì?            
ท่านชื่อ สกุลอะไร
4. Q: 您的全名叫什么? 
Nín de quánmíng jiào
shénme?
ท่านชื่อเต็มว่าอะไร
5. Q: 我怎么称呼你
   Wǒ zěnme chēnghu nǐ?
   ฉันจะเรียกคุณอย่างไรดี
(ใช้ตอบแบบที่  1,2,5) 
     A: 我姓      
      Wǒ xìng  Lǐ
      ฉันแซ่หลี่
หรือ    A: 我姓白。      
      Wǒ xìng  jiào bái
                             ฉันแซ่หลี่ชื่อว่าไป๋
(ใช้ตอบแบบที่  3,4,5) 
     A: 我叫 ชื่อ +  นามสกุล      
     Wǒ jiào   bái
                         ฉันชื่อว่า หลี่ไป๋
*** ซึ่งแบบที่นิยมใช้กันในประเทศจีนคือ แบบที่ 1 แบบที่2 และแบบที่ 3

แหม พอพูดถึงอายุ อานาม พออายุมากขึ้นไม่อยากบอกกันหรอกนา ขนาดคนจีนพอถามเรื่องอายุทีไร ถ้าอายุเกิน 25 เมื่อไหร่ เรื่องต่อไปต้องถามคงไม่พ้นเรื่องแต่งงาน เพราะเขาถือ  แต่ถ้าอยากจะทราบอายุ เขาก็ต้องดูคู่สนทนาด้วยว่าเป็นใคร เด็ก หรือผู้ใหญ่

การถามอายุ
การตอบอายุ
    1. Q:你多大了?                   Nǐ duōdà le?  
                                  คุณอายุเท่าไหร่
   2. Q: 你几岁了?  
        Nǐ jǐ suì le?                                                              คุณอายุกี่ขวบ
   3. Q: 您的年龄是多少?  
      Nín de niánlíng               shìduōshǎo?
                               ท่านอายุเท่าไหร่
   4. Q: 您高寿了
      Nín gāoshòu le?
(ใช้ตอบแบบที่  1,2,3,4)
    A二十三岁。
       Wǒ èrshísān suì.       
                            ฉันอายุ 23 ปี

(ใช้ตอบแบบที่  3)
    A: 我的年龄是二十三岁。  
       Wǒ de niánlíng shì
       èrshísān suì.
                            ฉันอายุ 23 ปี

ภาษาไทยเราจะแบ่งเป็น ชื่อสกุล แต่เวลา พูดเป็นภาษาจีน เราจะบอกนามสกุลก่อนที่จะบอกชื่อ เพราะ การเรียกสกุล หรือแซ่ก่อนเป็นการให้เกียรติคู่สนทนา แต่หากเรารู้จักก่อนแล้ว หรือสนิทกันแล้ว สามารถเรียกชื่อได้เลยค่ะ หากสนิทกันมากๆ คนจีนมักจะใช้คำว่า xiǎo นำหน้าชื่อ หรือแซ่ ค่ะ

ตัวอย่างเช่น
ชื่อแซ่ว่า  余贵梅 Yú guìméi หากไม่สนิทกันจะเรียก  余小姐Yú xiǎojiě หรือ 余姑娘Yú gūniáng (ชื่อนี้ออกจะไปทางโบราณๆหน่อย)

หากเป็นเพื่อนกันจะเรียกว่า  贵梅 Guìméi แต่ถ้าสนิทกันมากๆล่ะก็จะเรียก 小梅  Xiǎoméi แต่สามารถเรียก  阿梅Ā méi ก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะใช้เรียกกับชื่อผู้ชายมากกว่าค่ะ แต่หากมีคู่รัก หรือสนิทกันขั้นนึง ก็จะมีคำว่า  ér ต่อท้ายสำหรับผู้หญิงนะคะ เรียกเป็น 梅儿 méi ér เพื่อให้มันดูน่ารัก กุ๊กกิ๊ก คิกคุ อาโนเนะ


                     ต่อด้วยเรื่องของการกล่าวคำขอบคุณล้วนๆเลย ซึ่งวิธีการกล่าวนั้นก็มีหลากหลายแบบด้วยกัน ตามแต่สถานการณ์ที่ใช้ในตอนนั้นด้วย  เวลาพูดดูเหมือนจะง่ายแต่พอถึงเวลาจริงๆกลับพูดไม่ออก เพราะเกรงใจ บางคนก็อายเหลือเกิน ม้วนเป็นทองม้วนซะงั้น แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว ผู้ตอบรับก็ควรบอกกล่าวสักหน่อยเป็นเชิงไว้ท่าที เช่น                 
             เพื่อนซื้อขนมมาให้ เราก็ควรกล่าวคำว่า ขอบคุณนะ เมื่อเขาได้ยินเขาก็จะได้ชื่นใจ (คราวหลังเขาอาจจะซื้อมาให้อีกก็เป็นได้) ส่วนคนให้ก็ควรกล่าวกลับไปว่าไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเกรงใจ
             เอาล่ะเรามาดูว่าคำขอบคุณ และการตอบรับในภาษาจีนพูดว่าอะไรบ้าง ดูข้างล่างกันเลย 

การกล่าวคำขอบคุณ

              谢谢!                xièxiè                                  (เซี่ยเซี่ยะ)                  
                             ขอบคุณ จะใช้ได้เมื่อมีคนทำอะไรให้เรา หรือมอบสิ่งของต่างให้เราเพื่อแสดงน้ำใจ
  多谢了                duō xiè le                        (ตัว เซี่ย เลอะ)               
                             ขอบคุณมากๆเลย จะใช้เมื่อตอนที่มีคนทำอะไรให้เรา แล้วเกิดอยากขอบคุณอย่างสุด
                             ซึ้ง
  该谢了                gāi xièle                           (กาย เซี่ย เลอะ )        
                             ควรจะขอบคุณแล้วล่ะ ใช้เมื่อเราเห็นแล้วว่าเขาอุตส่าห์ทำอะไรให้เรา ซึ่งเป็นสิ่งที่เรา
               ทำเรื่องนั้นไม่ได้ หรือสุดความสามารถ
  非常感谢           fēicháng gǎnxiè        (เฟย ฉาง ก่าน เซี่ย)     
                            ใช้กล่าวขอบคุณอย่างเป็นงานเป็นการ

การกล่าวคำตอบรับคำขอบคุณ

            /别客气!没事儿!             bù/bié kèqì! Méishìr!       ไม่เป็นไรไม่ต้องเกรงใจ
                                                                                  (ปู้ / เปี๋ยเค่อชิ เหมยซื่อ)
  不用谢                                                   bú yòng xiè      ไม่เป็นไรไม่ต้องขอบคุณ
                                                              (ปู๋ ย่ง เซี่ย)                               
  没关系                                                   méi guān xi         ไม่เป็นไร (กรณีทำให้ผู้อื่น
                (เหมย กวน ซิ)                          เสียหาย เช่นทำน้ำหกใส่)
         没问题                                                   méi wèntí                                    ไม่มีปัญหา (มีความมั่นใจ
              (เหมย เวิ้น ถี)                           ว่าทำได้)
          没什么                                                  Méi shénme                                 ไม่เป็นไรเลย
        (เหมย เซิ่นเมอะ)
            别在心上                                           bié zàixīn shàng                     อย่าใส่ใจเลย
             (เปี๋ย ไจ้ ซิน ซั่ง)                        (มีความรู้สึกว่าไม่ต้อง
                                                                                                                     คิดมาก)
  算了                   suànle         ช่างเถอะ (ในเชิงต้อง
                                                              (ซ่วน เลอะ)                                    ปล่อยวาง)         

                                                                                                                                By Yujin (余金)